นิทรรศการ “ออกนอกทาง” (Out
of the Way)
ศิลปิน วินัย พวงสมบัติ
(Vinai
Poungsombat)
ลักษณะงาน ภาพถ่าย,งานสื่อผสม
,จิตรกรรม ,งานจัดวาง (Installation),วิดีโอทัศน์ (Vidio)
ระยะเวลาที่จัดแสดง วันที่
28
มิถุนายน ถึง วันที่ 19 กรกฎาคม 2561
พิธีเปิดนิทรรศการ วันที่
27 มิถุนายน 2561 เวลา 18.00 น.
ห้องนิทรรศการ
ห้องนิทรรศการชั้น 1 ห้องนิทรรศการ 1
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 081 8821476, E- Mail: vinaiaq@gmail.com,www.aquarellreisen.co
แนวความคิด
หลังจาการแสดงนิทรรศการเมื่อปี 2550 ได้เสร็จสิ้นลงผลงานต่างๆก็ได้ถูกห่อไว้ด้วยพลาสติกและเก็บไว้ในห้องเก็บของที่ในบ้านซึ่งทำด้วยไม้สักอย่างดี
มีเพียง 2-3 งานได้แกะและแขวนดูในบ้านเท่านั้น
แต่แล้วหัวใจผมแทบจะหลุดออกจากร่าง เพราะขณะที่จับรูปที่หลังจากการแสดงงานครั้งที่แล้ว
ซึ่งได้ห่อเก็บไว้แต่ก็ไม่มีเวลามาตรวจสอบสภาพของงานมาหลายปี
มันยุบลงไป ผมพยายามจะหาจับกรอบเฟรมไม้
ซึ่งไม่มีเหลืออีกเลยแม้แต่นิดเดียว ผมจึงแน่ใจว่ารูปงานของผมได้ถูกปลวกทำลายมันตายและเน่าเปื่อยมานานโดยที่ผมไม่ได้มีโอกาสได้ดูใจกับมัน
ผมทำใจไม่ได้ ผมตะโกนเสียงดังและร้องโหยหวนอย่างที่ผมไม่เคยทำมาในชีวิต
ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะพรรณนา และในขณะนั้นผมยังคิดด้วยว่าผมควรจะตายตามผลงานผมไปด้วย
ภรรยาและลูกสาวผมซึ่งบังเอิญหรือโชคดีที่วันนั้นกลับมาบ้านพอดี
รีบวิ่งลงมาดูผมด้วยความตกใจและก็ได้รู้ว่าอะไรมันเกิดขึ้นกับผม
ทุกคนรู้ดีว่าผลงานที่มันตายหรือพังไปนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผม
และผมก็ไม่รู้ว่าจะนึกภาพว่ารูปภายในผ้าพลาสติกเม็ดสำหรับห่อของนั้นมันจะอยู่ในสภาพอย่างไร
การที่จะสร้างขยะให้เป็นงานศิลปะขึ้นมาใหม่มันก็ไม่ใช่ของง่าย
ในสมัยที่ผมเรียนที่Kunstakademieที่Munich มีนักเรียน Meisterschülerอีกคนจาก Professor คนอื่น อยู่ห้องสตูดิโอติดกัน ซึ่งในห้องเขามีแต่ขยะเต็มทั้งห้อง
และเขาบอกว่ามันเป็นงานศิลปะของเขา ผมก็ยังงงอยู่ดีว่า มันเป็นศิลปะลัทธิไหนกันแน่
นั่นมันก็เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชุดใหม่จากขยะซึ่งก็เป็นคำแนะนำจากลูกๆ
ที่ยังพอมีสติอยู่
และก็มีนักร้อง ศิลปินหลายคนในสมัยซิ๊กตี้
และเซเว่นตี้ ได้กลับเอาผลงานเก่ามาพรีเซนต์ใหม่ฃึ่งมันเป็นความท้าทายมากเช่นเดียวกับ
The
Rolling Stone ที่ผมได้มีโอกาสดู Concert เขาที่
Schuttbergสนามกีฬา Olympic ที่มุนเซ่น
และก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้ทำงาน Installation ครั้งแรกบน Schuttbergเมื่อปี 1976 หรือ 30 ปีที่แล้วและก็ยังมีศิลปินคนอื่นๆท่ได้กลับมาแสดงผลงานในระยะตามมาอีกหลายคน
ดังนั้น ผลงานของผมชิ้นนี้มันจะเป็นผลงานที่หลุดออกมาจากกรอบทฤษฎีและกฎเกณฑ์ต่างๆ
และเป็นผลงานร่วมเวลาและสมัย ซึ่งใช้เวลาทำงานจากปี ค.ศ.1975 – 2018 เป็นเวลา 43 ปีพอดี
ผลงานครั้งนี้จะไม่ใช้การนำเสนอบนกล่องอย่างที่เคยทำมา
แต่ว่าจะนำเสนอโดยปรัชญาใหม่ที่ได้มาจากประสบการณ์ในการทำงาน และศึกษาประวัติศาสตร์ต่างๆ
ในการทำงานท่องเที่ยว
ผมจึงจะใช้ประสบการณ์นำเสนอด้วยปรัชญาการสร้างเมืองสุโขทัยของพ่อขุนรามคำแหง
เมื่อ 750 ปีมาแล้ว เมืองสุโขทัยจะสร้างตามไหล่เขาในรูปแบบของขอม ซึ่งจะหันหน้าเมืองไปทางทิศใต้
เพราะจุดศูนย์กลางรวมจิตวิญญาณของขอม คือ ปราสาทวัดอังกอร์ แต่ของสุโขทัยจะหันหน้าเมืองไปทางทิศตะวันออก
ตามปรัชญาของพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสรู้โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยมีต้นโพธิ์ (ภูเขา)
ที่เป็นร่มบังแดดอยู่ด้านหลังทางทิศตะวันตก
แต่ที่น่าสนใจของเมืองสุโขทัยคือ การสร้างเมืองสองแห่งตามหลักสุริยะจักรวาล
(Universal
System) คือ การสร้างเมืองเป็นรูปลักษณ์สี่เหลี่ยมจัตุรัส หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
และทางด้านทิศตะวันออกจะสร้างเมืองเล็กๆ เป็นเมืองบริวาร เช่นเดียวกับที่วัดศรีชุมที่สุโขทัยเช่นกัน
ซึ่งเป็นไปตามหลักปรัชญาของสุริยะจักรวาล จากการมีดวงอาทิตย์ ก็จะมีดาวเคราะห์ และจากการมีโลก
เราก็มีดวงจันทร์เป็นบริวารปรัชญานี้พ่อขุนรามคำแหงได้เก็บไว้เป็นของตนเองโดยที่ไม่ยอมบอกพ่อขุนเม็งรายเพื่อนรักซึ่งได้เมืองตามลักษณะของกรุงสุโขทัยและเมืองบริวาลนั่นคือโลกจักรวาล(Welt
System) ปรัชญาในการพรีเซนต์งานครั้งนี้ในแต่ละชิ้น จะมีงานหลักและก็จะมีงานบริวาร
เช่นกัน
รวมทั้งการเปิดตัวของหนังสือสองเล่มชื่อว่า
Lost
the Wayและ Out of
the Wayเป็นเรื่องเล่าประวัติความเป็นมาประวัติการเดินทางรอบโลกด้วยจักรยานและมอเตอร์ไซด์ในปี
ค.ศ.1968 และนี่ก็เข้าปี ค.ศ.2018เป็นเวลาผ่านมา 50 ปีพอดีและตอนนั้นมันก็เป็นวันและเวลาที่หอมหวนไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทั้งทางศิลปะวัฒนะธรรมและดนตรีในสมัยนั้นที่เราขนานนามว่า
ยุค ฮิปปี้
ในหนังสือจะรวมประวัติการศึกษาและการทำงานศิลปะโดยเฉพาะกับผลพวงในการเกิดผลงานชุด
ออกนอกทาง เป็นผลงานครอบครัวที่เขียนเป็นภาษาไทยและแปลเป็นภาษาเยอรมันโดยภรรยาชาวเยอรมันบนกระดาษอาร์ทพิมพ์สี่สี260หน้ารูปอีกสามร้อยรูป